พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เข้าสู่ระบบ
หน้าแรก
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ค้นหาข้อมูล
เข้าสู่ระบบ
สมเด็จ หลวงพ่อส...
สมเด็จ หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร ปี 2522 มวลสารของสมเด็จวัดระฆัง และผงสมเด็จบางขุนพรหม
สมเด็จ หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร ปี 2522
"หลวงพ่อสำเนียง" พระโอรส "กรมหลวงชุมพรฯ" เกจิดังเมืองนครปฐม !
สมเด็จรุ่นนี้สร้างราวปี 2522 สร้างจำนวน 5,000 องค์ เริ่มแจกและให้บูชา ในงานไหว้ครู ซึ่งใกล้วันสิ้นปี หลวงพ่อสำเนียง ท่านได้เก็บรวบรวม ชิ้นส่วนแตกหักของสมเด็จวัดระฆัง และสมเด็จบางขุนพรหม ของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ที่มีผู้นำมาถวาย สมัยก่อนพระแตกหัก จะไม่เก็บไว้บ้าน จะนำมาถวายวัด จนมีจำนวนมากพอ หลวงพ่อจึงนำมาบดเป็นมวลสาร ผสมกับมวลสารของหลวงพ่อสำเนียง
จึงไม่ต้องแปลกใจที่พระที่สร้างยุคปีสองกว่า แต่เนื้อพระถึงได้เก่าและแกร่งขนาดนี้ ก็เพราะว่าเป็นมวลสารของสมเด็จวัดระฆัง และผงสมเด็จบางขุนพรหมถือว่าพระสมเด็จรุ่นนี้ ได้รับการปลุกเสกจากสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
และปลุกเสกอีกครั้ง โดยหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร จึงเป็นที่ต้องการของคนในพื้นที่มาก เรื่องพุทธคุณสุดยอดอยู่แล้ว แต่เนื่องจากสร้างน้อย จึงพบเจอน้อยมากนัก และเป็นพระหลักๆในสายหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร อีกรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้
---------
หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร วัดเวฬุวนาราม ต.ลำพญา อ.บางเลน จ.นครปฐม
ท่านเป็นบุตรของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์กับหม่อมทองนุ่น เกิดเมื่อวันที่ ๕ต.ค.๒๔๖๐ ที่วังไชยา ก่อนที่หลวงพ่อสำเนียงจะถือกำเนิดมาดูโลกนั้น นายเอม อยู่สถาพรเป็นพระสหายของเสด็จเตี่ย ได้เล่าให้หลวงพ่อฟังว่าขณะที่หม่อมแม่ทรงพระครรภ์ได้ ๒ เดือน เสด็จเตี่ยได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปรับเรือหลวงพระร่วงที่ต่างประเทศ จึงได้พาหม่อมแม่ไปฝากไว้กับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาถซึ่งท่านเป็นพระอาจารย์ของเสด็จเตี่ยโดยให้นายเอม อยู่สถาพรซึ่งเป็นพระสหายเป็นผู้ดูแล ตัวหลวงพ่อสำเนียงจึงกลายเป็นลูก๓ พ่อซึ่งเสด็จเตี่ยคือพ่อผู้ให้กำเนิด นายเอมเป็นพ่อเลี้ยงดูพร้อมกับหลวงปู่ศุขเป็นพ่อผู้ดูแลให้การศึกษาเล่าเรียน
หลวงพ่อสำเนียงใช้นามสกุลของนายเอม คืออยู่สถาพร ในหนังสือไม่ได้ระบุสาเหตุ หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร เมื่อเกิดมาแล้วก็ได้อยู่กับหลวงปู่ศุขจนเติบโต จึงได้มาศึกษาในก.ท.ม.ที่ร.ร.อัสสัมชัญ จนจบมัธยมปลายจากนั้นไปศึกษาต่อที่ร.ร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า จนจบจึงได้รับราชการทหารบกจวบได้รับยศร้อยเอกและเคยได้ร่วมสมรภูมิถึง ๒ครั้งคือสงครามอินโดจีนและสงครามมหาบูรพา พอกลับจากศึกสงครามถูกมรสุมร้ายทางการเมืองกระทำเอาถูกจองจำพร้อมกับจอมพล ป. พิบูลสงคราม – หลวงเสรี – หลวงวิจิตรวาทการ และคนอื่นๆในข้อหาอาชญากรสงคราม
เมื่อได้รับการปลดปล่อยหลวงเสรีได้ไปบวชที่วัด เบญจมบพิตร ส่วนหลวงพ่อสำเนียงท่านไปบวชอยู่ที่วัดกัลยาณมิตรฝั่งธนบุรี ท่านตั้งใจบวชเพียง ๑๕ วันแต่พอบวชได้ ๓วันก็มีเหตุการณ์เมืองขึ้นมาอีกจึงทำให้ท่านเปลี่ยนความตั้งใจ เหตุการณ์บ้านเมืองกำลังยุ่งเหยิงจอมพล ป. พิบูลสงครามได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง แต่ต้องการให้หลวงพ่อสำเนียงกลับไปรับราชการอีก ทว่าท่านไม่ยอมสึกทั้งได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าจะขอยึดเอาผ้ากาสาวพัสตร์หุ้มห่อร่างกายจนกระทั่งตาย
-------------
พบนครร้างในนิมิต
ก่อนที่หลวงพ่อสำเนียงจะมาบุกเบิกทุ่งร้างกลางป่าทึบให้มาเป็นวัดวาอารามอันพรั่งพร้อมไปด้วย โบสถ์ วิหาร ศาลา โรงธรรมที่สวยงามนั้น ท่านกล่าวว่า – ขณะที่ท่านพำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในก.ท.ม.ท่านได้เกิดนิมิตขึ้นว่าได้เห็นปราสาทร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งการนิมิตเห็นนี้ไม่ได้หลับตาเห็น แต่เป็นแบบลืมตาเห็นภาพขึ้นมา เมืองร้างแห่งที่ท่านพบเห็นในนิมิตนี้มีสมบัติล้ำค่าถูกฝังอยู่มากมายมหาศาล คนเฝ้าสมบัติล้ำค่านี้บอกกับท่านว่า….
ใครจะมาเอาสมบัติเหล่านี้ไปไม่ได้ คนที่จะมาเป็นเจ้าของจะต้องมาสร้างเมืองนี้ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเหมือนเดิมเสียก่อน และคนที่จะมาอยู่เมืองนี้ได้จะต้องเป็นคนดี มีศีลธรรม ถ้าไม่เช่นนั้นจะหาความเจริญขึ้นมาไม่ได้นอกจากพินาศล่มจมเท่านั้น เพราะสถานที่แห่งนี้คือที่ตั้งเมืองธรรมานครอมรวดีศรีธานินทร์ มหินทรามหาเลิศลบภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์มาก่อน
หลังจากหลวงพ่อสำเนียงได้นิมิตเห็นเมืองธรรมานครแล้วท่านเดินทางสู่เมืองร้างแห่งนี้โดยทางรถไฟไปลงสถานีงิ้วราย จากนั้นลงเรือต่อไปตลาดลำพญาต่อเรือไปอีก๓ ช.ม.จึงถึงตลาดลำพญาจากตลาดเดินเท้าอีก๔ ก.ม.โดยประมาณจึงถึงวัดแหลมชะอุย เป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าเหลือแต่ซากปรักหักพัง พอให้รู้ว่าสถานที่นั้นเคยเป็นวัดมาก่อนที่ๆแห่งนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด
ทำให้สถานที่นั้นร่มรื่นและเงียบสงัดวังเวงยิ่งนัก จึงมีสัตว์นาๆชนิด เช่นงูเห่า งูจงอางเป็นต้นเพราะปราศจากผู้คนสัญจรไปมา มีแต่บริเวณทุ่งกว้างที่ร้างซึ่งมีเด็กเลี้ยงควายอยู่จำนวนหนึ่งเท่านั้น เด็กพวกนั้นปราศจากเสื้อผ้านุ่งห่มเพราะความแห้งแล้งทุรกันดารความยากจนของครอบครัว พ่อแม่เด็กเหล่านั้นหากินทางทุจริตลักลอบหาวัตถุโบราณในบริเวณวัดร้างแห่งนี้เพื่อนำเอาไปขาย
เมื่อท่านไปถึงท่านได้เดินเข้าไปดูในโบสถ์ปรากฏว่าถูกปัดกวาดดูสะอาดสะอ้าน คล้ายกับมีคนมาอาศัยอยู่ ท่านจึงตัดสินใจที่จะอยู่ ณ. วัดร้างแห่งนี้ โดยท่านตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะพัฒนาวัดร้างแห่งนี้ร่วมกับชาวบ้านในถิ่นนี้ให้เจริญ ท่านจึงได้ยึดเอาโบสถ์เป็นที่อยู่อาศัย แต่ท่านหารู้ไม่ว่าที่แห่งนี้คือที่ซ่องสุมของพวกโจรและเสือร้ายปล้นฆ่าชื่อดัง คือ เสือแคล้ว เสือสด เสือเลียง เสือสมหมาย เสือผาด ทั้ง ๕เสือดังกล่าวทางการได้หมายหัวเอาไว้แล้วว่าต้องจับตายลูกเดียว พวกนี้หาทรัพย์มาได้เท่าไหร่ก็จะนำมาแบ่งปันที่นี่ประจำเพราะเป็นจุดศูนย์กลางระหว่างจังหวัดนนทบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี มีอยู่วันหนึ่งเสือร้ายเหล่านั้นปล้นทรัพย์ได้มาก็นัดกันมาแบ่งสมบัติที่โบสถ์ร้างแห่งนี้ เมื่อเสือแคล้วมาแอบเห็นหลวงพ่อสำเนียงอยู่ในวัดก็สบถจะต้องฆ่าพระองค์นี้ให้ได้ เพราะกลัวท่านมารู้เห็นความลับ อีกหรือท่านปลอมมาเป็นพระเพื่อมาสืบจากทางราชการ เสือแคล้วจึงตกลงกับพวกอีก๔ เสือจะต้องฆ่าท่านคืนแรกเสือแคล้วมาคนเดียวก้าวเข้าไปยืนในโบสถ์เห็นเพียงแสงเทียนสลัวๆพอเห็นว่ามีพระนั่งสมาธิอยู่ เมื่อเพ่งเข้าไปหมายจะฆ่าหลวงพ่อปรากฏว่า คุณพระช่วยภาพที่เขามองเห็นไม่ได้มีพระอยู่องค์เดียวเหมือนที่เขาเห็นตอนกลางวันเสียแล้ว เพราะภายในโบสถ์เต็มไปด้วยพระสงฆ์ห่มสีกลักกำลังนั่งสมาธิเต็มไปหมด พระเหล่านั้นต่างนั่งสมาธิอย่างสงบโดยไม่สนใจกับภายนอกโบสถ์เลย
เสือแคล้วนึกอยู่ในใจว่าพระมาจากไหนเยอะแยะก็ตอนกลางวันเห็นมีอยู่องค์เดียว ส่วนมือยังกำปืนแน่นอยู่ในลักษณะพร้อมยิงเสมอ ในที่สุดก็เลิกล้มความตั้งใจ เพราะไม่ทราบว่าจะทำวิธีไหนที่จะฆ่าพระได้หมด หลังจากนั้นสหายอีก๔ เสือก็ผลัดกันมาทุกคืนโดยผลัดเปลี่ยนกันกับเพื่อนทุกคนในกลุ่ม ผลปรากฏว่าเหตุการณ์เหมือนกันทุกครั้ง ๔วันเต็มๆ
ผลสุดท้ายเขาและเพื่อนยอมแพ้ในอภินิหารที่ได้ประสพมาจึงไม่อาจฆ่าท่านได้ ซึ่งคงเป็นเพราะบารมีของท่านซึ่งปฏิบัติธรรมเคร่งครัดเสมอมานั่นเอง เช้าของวันที่ ๕ พวกเสือร้าย ๕คนได้ปรึกษาหารือกันเข้าไปกราบหลวงพ่อสำเนียงในโบสถ์และเล่าความจริงให้ท่านฟัง พวกเขาแนะนำตัวเองหลวงพ่อจึงถามไปว่า โยมพากันมาทำไมที่นี่ เสือแคล้วและพวกจึงสารภาพว่าต้องการมากราบขอขมาหลวงพ่อ กรรมใดที่ได้ล่วงเกินท่านไว้ขอให้ท่านอโหสิกรรมแก่พวกเขา
หลวงพ่อท่านว่า เวรของผู้จองเวรย่อมไม่ระงับ แต่เวรของผู้ที่ไม่จองเวรย่อมระงับ อาตมาอโหสิให้ แต่กรรมโยมได้กระทำไปนั้นไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน กรรมนั้นย่อมตอบสนองในภายหลังไม่มีใครให้อภัยได้ ดังนั้นขอโยมจงหยุดการกระทำชั่วนั้นๆเสียแล้วให้เริ่มทำความดีต่อไป หมั่นรักษาศีลเพราะศีลจะทำให้ผู้ปฏิบัติให้เป็นผู้ที่สมบูรณ์ในโภคทรัพย์ ทั้งในภพปัจจุบันนี้และจะนำสู่สุขคติและนิพพานในภพหน้า เมื่อได้รับฟังธรรมะจากหลวงพ่อ เสือร้ายทั้ง๕ สำนึกผิดและซาบซึ้งในโอวาทของหลวงพ่อสำเนียง พวกเขาพร้อมที่จะปฏิบัติตามจึงได้มอบตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน พร้อมได้ปวารณาตัวว่าจะเลิกทำชั่ว แล้วตั้งอยู่ในศีลธรรมต่อไป นี่แหล่ะคือสัจธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ให้ชาวโลกละความชั่ว ประพฤติแต่ความดีในที่สุดธรรมะย่อมชนะอธรรม สมดังที่พระองค์ตรัสไว้ทุกประการ สาธุ…
ผู้เข้าชม
269 ครั้ง
ราคา
12000
สถานะ
ยังอยู่
โดย
ponsrithong2
ชื่อร้าน
พลศรีทองพระเครื่อง2 ( บู เชียงราย )
ร้านค้า
ponsrithong2.99wat.com
โทรศัพท์
0639695995
ไอดีไลน์
busoftware52
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน
พระกริ่ง ประทานพรปี 10 เนื้อโล
เหรียญชนะศึก หลวงปู่แหวน สุจิณ
พระคำข้าว รุ่น2 หลวงพ่อฤาษีลิง
ตะกรุดเก้ากุ่ม ครูบาวัง วัดบ้า
พระพุทธรูปงาช้างแกะ งานชิ้นเอก
เหรียญ หลวงปู่จันทร์ เขมปัตโต
พระกริ่งรุ่นอัคคสิทธิ์ วัดสุทั
ตะกรุดเก้ากุ่ม ครูบาวัง วัดบ้า
พระกริ่งอวโลกิเตศวร หลวงพ่อเกษ
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
ลงพระฟรี
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ลืมรหัสผ่าน
ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
โจ้ ลำนารายณ์
NongBoss
Le29Amulet
Erawan
ก้อง วัฒนา
สายน้ำอุ่น
fuchoo18
Bon13
ว.ศิลป์สยาม
Beerchang พระเครื่อง
นนท์ คุณพระ
tosss
poop2015
vanglanna
ภูมิ IR
พีพีพระเครื่อง
พีพีพระสมเด็จ
someman
ชา วานิช
lord
พระเครื่องโคกมน
Muthita
natthanet
กรัญระยอง
เปียโน
Spiderman
บ้านพระหลักร้อย
บ้านพระสมเด็จ
nattapong939
อภินันต์ พระเครื่อง
ผู้เข้าชมขณะนี้ 1082 คน
เพิ่มข้อมูล
สมเด็จ หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร ปี 2522 มวลสารของสมเด็จวัดระฆัง และผงสมเด็จบางขุนพรหม
ส่งข้อความ
ชื่อพระเครื่อง
สมเด็จ หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร ปี 2522 มวลสารของสมเด็จวัดระฆัง และผงสมเด็จบางขุนพรหม
รายละเอียด
สมเด็จ หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร ปี 2522
"หลวงพ่อสำเนียง" พระโอรส "กรมหลวงชุมพรฯ" เกจิดังเมืองนครปฐม !
สมเด็จรุ่นนี้สร้างราวปี 2522 สร้างจำนวน 5,000 องค์ เริ่มแจกและให้บูชา ในงานไหว้ครู ซึ่งใกล้วันสิ้นปี หลวงพ่อสำเนียง ท่านได้เก็บรวบรวม ชิ้นส่วนแตกหักของสมเด็จวัดระฆัง และสมเด็จบางขุนพรหม ของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ที่มีผู้นำมาถวาย สมัยก่อนพระแตกหัก จะไม่เก็บไว้บ้าน จะนำมาถวายวัด จนมีจำนวนมากพอ หลวงพ่อจึงนำมาบดเป็นมวลสาร ผสมกับมวลสารของหลวงพ่อสำเนียง
จึงไม่ต้องแปลกใจที่พระที่สร้างยุคปีสองกว่า แต่เนื้อพระถึงได้เก่าและแกร่งขนาดนี้ ก็เพราะว่าเป็นมวลสารของสมเด็จวัดระฆัง และผงสมเด็จบางขุนพรหมถือว่าพระสมเด็จรุ่นนี้ ได้รับการปลุกเสกจากสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
และปลุกเสกอีกครั้ง โดยหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร จึงเป็นที่ต้องการของคนในพื้นที่มาก เรื่องพุทธคุณสุดยอดอยู่แล้ว แต่เนื่องจากสร้างน้อย จึงพบเจอน้อยมากนัก และเป็นพระหลักๆในสายหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร อีกรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้
---------
หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร วัดเวฬุวนาราม ต.ลำพญา อ.บางเลน จ.นครปฐม
ท่านเป็นบุตรของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์กับหม่อมทองนุ่น เกิดเมื่อวันที่ ๕ต.ค.๒๔๖๐ ที่วังไชยา ก่อนที่หลวงพ่อสำเนียงจะถือกำเนิดมาดูโลกนั้น นายเอม อยู่สถาพรเป็นพระสหายของเสด็จเตี่ย ได้เล่าให้หลวงพ่อฟังว่าขณะที่หม่อมแม่ทรงพระครรภ์ได้ ๒ เดือน เสด็จเตี่ยได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปรับเรือหลวงพระร่วงที่ต่างประเทศ จึงได้พาหม่อมแม่ไปฝากไว้กับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาถซึ่งท่านเป็นพระอาจารย์ของเสด็จเตี่ยโดยให้นายเอม อยู่สถาพรซึ่งเป็นพระสหายเป็นผู้ดูแล ตัวหลวงพ่อสำเนียงจึงกลายเป็นลูก๓ พ่อซึ่งเสด็จเตี่ยคือพ่อผู้ให้กำเนิด นายเอมเป็นพ่อเลี้ยงดูพร้อมกับหลวงปู่ศุขเป็นพ่อผู้ดูแลให้การศึกษาเล่าเรียน
หลวงพ่อสำเนียงใช้นามสกุลของนายเอม คืออยู่สถาพร ในหนังสือไม่ได้ระบุสาเหตุ หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร เมื่อเกิดมาแล้วก็ได้อยู่กับหลวงปู่ศุขจนเติบโต จึงได้มาศึกษาในก.ท.ม.ที่ร.ร.อัสสัมชัญ จนจบมัธยมปลายจากนั้นไปศึกษาต่อที่ร.ร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า จนจบจึงได้รับราชการทหารบกจวบได้รับยศร้อยเอกและเคยได้ร่วมสมรภูมิถึง ๒ครั้งคือสงครามอินโดจีนและสงครามมหาบูรพา พอกลับจากศึกสงครามถูกมรสุมร้ายทางการเมืองกระทำเอาถูกจองจำพร้อมกับจอมพล ป. พิบูลสงคราม – หลวงเสรี – หลวงวิจิตรวาทการ และคนอื่นๆในข้อหาอาชญากรสงคราม
เมื่อได้รับการปลดปล่อยหลวงเสรีได้ไปบวชที่วัด เบญจมบพิตร ส่วนหลวงพ่อสำเนียงท่านไปบวชอยู่ที่วัดกัลยาณมิตรฝั่งธนบุรี ท่านตั้งใจบวชเพียง ๑๕ วันแต่พอบวชได้ ๓วันก็มีเหตุการณ์เมืองขึ้นมาอีกจึงทำให้ท่านเปลี่ยนความตั้งใจ เหตุการณ์บ้านเมืองกำลังยุ่งเหยิงจอมพล ป. พิบูลสงครามได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง แต่ต้องการให้หลวงพ่อสำเนียงกลับไปรับราชการอีก ทว่าท่านไม่ยอมสึกทั้งได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าจะขอยึดเอาผ้ากาสาวพัสตร์หุ้มห่อร่างกายจนกระทั่งตาย
-------------
พบนครร้างในนิมิต
ก่อนที่หลวงพ่อสำเนียงจะมาบุกเบิกทุ่งร้างกลางป่าทึบให้มาเป็นวัดวาอารามอันพรั่งพร้อมไปด้วย โบสถ์ วิหาร ศาลา โรงธรรมที่สวยงามนั้น ท่านกล่าวว่า – ขณะที่ท่านพำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในก.ท.ม.ท่านได้เกิดนิมิตขึ้นว่าได้เห็นปราสาทร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งการนิมิตเห็นนี้ไม่ได้หลับตาเห็น แต่เป็นแบบลืมตาเห็นภาพขึ้นมา เมืองร้างแห่งที่ท่านพบเห็นในนิมิตนี้มีสมบัติล้ำค่าถูกฝังอยู่มากมายมหาศาล คนเฝ้าสมบัติล้ำค่านี้บอกกับท่านว่า….
ใครจะมาเอาสมบัติเหล่านี้ไปไม่ได้ คนที่จะมาเป็นเจ้าของจะต้องมาสร้างเมืองนี้ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเหมือนเดิมเสียก่อน และคนที่จะมาอยู่เมืองนี้ได้จะต้องเป็นคนดี มีศีลธรรม ถ้าไม่เช่นนั้นจะหาความเจริญขึ้นมาไม่ได้นอกจากพินาศล่มจมเท่านั้น เพราะสถานที่แห่งนี้คือที่ตั้งเมืองธรรมานครอมรวดีศรีธานินทร์ มหินทรามหาเลิศลบภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์มาก่อน
หลังจากหลวงพ่อสำเนียงได้นิมิตเห็นเมืองธรรมานครแล้วท่านเดินทางสู่เมืองร้างแห่งนี้โดยทางรถไฟไปลงสถานีงิ้วราย จากนั้นลงเรือต่อไปตลาดลำพญาต่อเรือไปอีก๓ ช.ม.จึงถึงตลาดลำพญาจากตลาดเดินเท้าอีก๔ ก.ม.โดยประมาณจึงถึงวัดแหลมชะอุย เป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าเหลือแต่ซากปรักหักพัง พอให้รู้ว่าสถานที่นั้นเคยเป็นวัดมาก่อนที่ๆแห่งนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด
ทำให้สถานที่นั้นร่มรื่นและเงียบสงัดวังเวงยิ่งนัก จึงมีสัตว์นาๆชนิด เช่นงูเห่า งูจงอางเป็นต้นเพราะปราศจากผู้คนสัญจรไปมา มีแต่บริเวณทุ่งกว้างที่ร้างซึ่งมีเด็กเลี้ยงควายอยู่จำนวนหนึ่งเท่านั้น เด็กพวกนั้นปราศจากเสื้อผ้านุ่งห่มเพราะความแห้งแล้งทุรกันดารความยากจนของครอบครัว พ่อแม่เด็กเหล่านั้นหากินทางทุจริตลักลอบหาวัตถุโบราณในบริเวณวัดร้างแห่งนี้เพื่อนำเอาไปขาย
เมื่อท่านไปถึงท่านได้เดินเข้าไปดูในโบสถ์ปรากฏว่าถูกปัดกวาดดูสะอาดสะอ้าน คล้ายกับมีคนมาอาศัยอยู่ ท่านจึงตัดสินใจที่จะอยู่ ณ. วัดร้างแห่งนี้ โดยท่านตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะพัฒนาวัดร้างแห่งนี้ร่วมกับชาวบ้านในถิ่นนี้ให้เจริญ ท่านจึงได้ยึดเอาโบสถ์เป็นที่อยู่อาศัย แต่ท่านหารู้ไม่ว่าที่แห่งนี้คือที่ซ่องสุมของพวกโจรและเสือร้ายปล้นฆ่าชื่อดัง คือ เสือแคล้ว เสือสด เสือเลียง เสือสมหมาย เสือผาด ทั้ง ๕เสือดังกล่าวทางการได้หมายหัวเอาไว้แล้วว่าต้องจับตายลูกเดียว พวกนี้หาทรัพย์มาได้เท่าไหร่ก็จะนำมาแบ่งปันที่นี่ประจำเพราะเป็นจุดศูนย์กลางระหว่างจังหวัดนนทบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี มีอยู่วันหนึ่งเสือร้ายเหล่านั้นปล้นทรัพย์ได้มาก็นัดกันมาแบ่งสมบัติที่โบสถ์ร้างแห่งนี้ เมื่อเสือแคล้วมาแอบเห็นหลวงพ่อสำเนียงอยู่ในวัดก็สบถจะต้องฆ่าพระองค์นี้ให้ได้ เพราะกลัวท่านมารู้เห็นความลับ อีกหรือท่านปลอมมาเป็นพระเพื่อมาสืบจากทางราชการ เสือแคล้วจึงตกลงกับพวกอีก๔ เสือจะต้องฆ่าท่านคืนแรกเสือแคล้วมาคนเดียวก้าวเข้าไปยืนในโบสถ์เห็นเพียงแสงเทียนสลัวๆพอเห็นว่ามีพระนั่งสมาธิอยู่ เมื่อเพ่งเข้าไปหมายจะฆ่าหลวงพ่อปรากฏว่า คุณพระช่วยภาพที่เขามองเห็นไม่ได้มีพระอยู่องค์เดียวเหมือนที่เขาเห็นตอนกลางวันเสียแล้ว เพราะภายในโบสถ์เต็มไปด้วยพระสงฆ์ห่มสีกลักกำลังนั่งสมาธิเต็มไปหมด พระเหล่านั้นต่างนั่งสมาธิอย่างสงบโดยไม่สนใจกับภายนอกโบสถ์เลย
เสือแคล้วนึกอยู่ในใจว่าพระมาจากไหนเยอะแยะก็ตอนกลางวันเห็นมีอยู่องค์เดียว ส่วนมือยังกำปืนแน่นอยู่ในลักษณะพร้อมยิงเสมอ ในที่สุดก็เลิกล้มความตั้งใจ เพราะไม่ทราบว่าจะทำวิธีไหนที่จะฆ่าพระได้หมด หลังจากนั้นสหายอีก๔ เสือก็ผลัดกันมาทุกคืนโดยผลัดเปลี่ยนกันกับเพื่อนทุกคนในกลุ่ม ผลปรากฏว่าเหตุการณ์เหมือนกันทุกครั้ง ๔วันเต็มๆ
ผลสุดท้ายเขาและเพื่อนยอมแพ้ในอภินิหารที่ได้ประสพมาจึงไม่อาจฆ่าท่านได้ ซึ่งคงเป็นเพราะบารมีของท่านซึ่งปฏิบัติธรรมเคร่งครัดเสมอมานั่นเอง เช้าของวันที่ ๕ พวกเสือร้าย ๕คนได้ปรึกษาหารือกันเข้าไปกราบหลวงพ่อสำเนียงในโบสถ์และเล่าความจริงให้ท่านฟัง พวกเขาแนะนำตัวเองหลวงพ่อจึงถามไปว่า โยมพากันมาทำไมที่นี่ เสือแคล้วและพวกจึงสารภาพว่าต้องการมากราบขอขมาหลวงพ่อ กรรมใดที่ได้ล่วงเกินท่านไว้ขอให้ท่านอโหสิกรรมแก่พวกเขา
หลวงพ่อท่านว่า เวรของผู้จองเวรย่อมไม่ระงับ แต่เวรของผู้ที่ไม่จองเวรย่อมระงับ อาตมาอโหสิให้ แต่กรรมโยมได้กระทำไปนั้นไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน กรรมนั้นย่อมตอบสนองในภายหลังไม่มีใครให้อภัยได้ ดังนั้นขอโยมจงหยุดการกระทำชั่วนั้นๆเสียแล้วให้เริ่มทำความดีต่อไป หมั่นรักษาศีลเพราะศีลจะทำให้ผู้ปฏิบัติให้เป็นผู้ที่สมบูรณ์ในโภคทรัพย์ ทั้งในภพปัจจุบันนี้และจะนำสู่สุขคติและนิพพานในภพหน้า เมื่อได้รับฟังธรรมะจากหลวงพ่อ เสือร้ายทั้ง๕ สำนึกผิดและซาบซึ้งในโอวาทของหลวงพ่อสำเนียง พวกเขาพร้อมที่จะปฏิบัติตามจึงได้มอบตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน พร้อมได้ปวารณาตัวว่าจะเลิกทำชั่ว แล้วตั้งอยู่ในศีลธรรมต่อไป นี่แหล่ะคือสัจธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ให้ชาวโลกละความชั่ว ประพฤติแต่ความดีในที่สุดธรรมะย่อมชนะอธรรม สมดังที่พระองค์ตรัสไว้ทุกประการ สาธุ…
ราคาปัจจุบัน
12000
จำนวนผู้เข้าชม
270 ครั้ง
สถานะ
ยังอยู่
โดย
ponsrithong2
ชื่อร้าน
พลศรีทองพระเครื่อง2 ( บู เชียงราย )
URL
http://www.ponsrithong2.99wat.com
เบอร์โทรศัพท์
0639695995
ID LINE
busoftware52
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน
กำลังโหลดข้อมูล
หน้าแรกลงพระฟรี